บ้านเป็นสถานที่ที่เราพักอาศัยอยู่ การที่เราทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการใช้ชีวิต เมื่อเราทำความสะอาด บ้านก็จะดูน่าอยู่มากขึ้น เรามารู้จักวิธีทำความสะอาดให้บ้านน่าอยู่กันดีกว่า
10 เทคนิค ทำให้บ้านสะอาดและน่าอยู่
1. การกำจัดฝุ่น ใช้เครื่องดูดฝุ่น ไม้กวาด หรือผ้าเช็ดก็ได้แต่ถ้าแนะนำควรใช้เครื่องดูดฝุ่นดีกว่าเพราะเครื่องดูดฝุ่นช่วยกำจัดฝุ่นได้ดีกว่าไม้กวาดและผ้า เราต้องกำจัดฝุ่นให้หมดเสียก่อน
2. กวาดพื้น การกวาดพื้นเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะทำทุกวัน เพราะเราใช้เท้าเดินย่ำไปย่ำมาทำให้เกิดเชื้อโรคได้ ให้กวาดพื้นโดยการใช้ไม้กวาดดอกหญ้า
3. ถูพื้น การถูพื้นช่วยให้บ้านดูสะอาดและเงา ทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น การถูพื้นบ้านควรจะถูทุกซอกทุกมุม แต่ถ้าอยากให้บ้านมีกลิ่นหอม เงา ดูสบายตา แนะนำให้ใช้น้ำยาถูพื้นผสมกับน้ำแล้วทำการถุ บ้านคุณจะน่าอยู่ขึ้นมาทันที
4. เก็บขยะ การเก็บขยะและแยกประเภทขยะ ขยะที่เน่าเสียหรือส่งกลิ่นเหม็นภายในบ้านไม่ควรที่จะใส่ถังขยะในบ้านไว้ ควรนำออกไปทิ้งข้างนอกเพราะมันส่งผลต่อกลิ่นในบ้าน ขยะแห้งหรือขยะที่ไม่มีกลิ่นสามารถใส่ถังขยะภายในบ้านได้ แต่ควรจะทิ้งให้ดีอย่าให้สกปรกเพราะเชื้อโรคจากขยะอาจส่งผลเสียต่อคุณและบ้านของคุณเอง
5. ทำความสะอาดห้องครัว การรักษาความสะอาดในห้องครัวควรทำอย่างสม่ำเสมอเพราะเราใช้ห้องครัวในการทำกับข้าว เมื่อไรที่ห้องครัวไม่สะอาด บ้านของคุณจะดูไม่น่าอยู่ทันที
6. ห้องนอน ควรทำทุกวัน การพับผ้าห่มจัดหมอนหลังจากตื่นนอน จะทำให้บ้านคุณดูมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
7.ห้องน้ำ เป็นเรื่องสำคัญมาก การทำความสะอาดห้องน้ำควรจะทำเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำล้างอย่างสม่ำเสมอ เพราะห้องน้ำเราต้องใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะอาบน้ำ อุจจาระ หรือ ปัสสาวะ อย่าปล่อยให้สกปรกเด็ดขาด อาจจะส่งผลเสียต่อบ้านคุณได้
8. จัดตกแต่งบ้าน การที่เราเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน ช่วยทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้น เช่น การตกแต่งด้วย ดอกไม้ แจกัน ของจุกจิกเล็กๆ น่ารักๆ ของที่มองแล้วทำให้ดูสบายตา
9. ทำให้บ้านมีบรรยากาศดี เวลาอยู่บ้านควรเปิด หน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และรับอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศดีๆให้แก่บ้านของคุณเอง
10. เช็คสภาพบ้าน เมื่อเราทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว เราควรต้องเช็คสภาพบ้านด้วยทุกครั้งเพื่อความสวยและสบายตาของบ้าน อย่างเช่น การดูปลวกที่ชอบแทะตามซอกไม้ต่างๆ บ้านทรุดหรือไม่ เป็นต้น
